ความทุกข์ของวัยรุ่น
กล่าวกันว่า ชีวิตคนเปรียบเหมือนเรือที่ท่องในทะเลซึ่งต้องเจอทั้งคลื่นระลอกเล็ก มรสุม โขดหิน แต่เราก็ต้องประคองเรือไปให้ถึงฝั่งให้ได้ หากเรามองทางบวกว่าอุปสรรคต่างๆ เป็นสิ่งที่ท้าทายเราให้ก้าวเดินไปด้วยความเข้มแข็ง จะทำให้เราพบกับสิ่งที่มุ่งหวัง ดิฉันขอให้วัยรุ่นทุกๆ คน ที่เศร้าตรมอยู่ในความทุกข์ ไม่เป็นอันทำอะไร สามารถคิดได้และคิดให้ตก ว่าเมื่อเราผ่านปัญหาหรือความทุกข์-เศร้าต่างๆ ไปได้ ท้องฟ้าก็จะสดใสอีกครั้ง และขอให้เพื่อนๆ ช่วยกัน ห่วงใยในความผิดปกติที่พบเห็น ดูแลกัน เพราะคนที่จะตัดสินใจทำร้ายตนเอง มักจะบอกหรือส่งสัญญาเตือนให้คนใกล้ชิดได้รู้ตัวล่วงหน้า ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเราต้องไวต่อความรู้สึก และอารมณ์ ท่าทางของเพื่อนๆ ที่มีแนวโน้มจะคิดทำร้ายตัวเอง
การมีเพื่อนที่ห่วงใย ให้ความสนใจ และการมีบุคคลในครอบครัวที่สามารถให้คำปรึกษาได้ จะช่วยผ่อนเบาปัญหาที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ เพื่อนมีความสำคัญมาก ในการให้ความช่วยเหลือที่จะไม่ปล่อยให้เพื่อนที่มีทุกข์-เศร้า เผชิญปัญหา หรือชะตากรรมคนเดียว การสังเกตง่ายๆ ในการช่วยเหลือ คือหากเพื่อนแยกตัวไป ซึมเศร้า ไม่สนใจการเรียน ขาดเรียน พวกเราต้องช่วยกันไต่ถาม เยี่ยมเยียน และมีช่องทางในการส่งต่อกันที่จะดูแล ปรึกษาผู้ใหญ่ ครู-อาจารย์ ที่ปรึกษา ครอบครัวของเพื่อน ก่อนที่จะพบความเสียใจที่สูญเสียเพื่อนไป
วิธีการสำหรับที่จะช่วยให้คลายความทุกข์-เศร้า ความหดหู่ในจิตใจ คือการทำใจยอมรับ ว่าเกิดขึ้นกับตัวเรามีปัญหา ยอมรับความจริง และค้นหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ทบทวนดู จากนั้นหาทางแก้ไข แก้ไขเองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าการจบชีวิตเป็นคำตอบสุดท้าย ต้องหาตัวช่วยซึ่งจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัวบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเมื่อมีปัญหาต้องไม่อายที่จะซักถาม ที่สามารถติดต่อได้ทั้งทางโทรศัพท์หรือด้วยตนเอง อย่างน้อยก่อนการทำใจให้ได้ก็ขอฝากกลอนไว้ว่า สุขและทุกข์ มีอยู่ คู่กับโลก จะย้ายโยก แห่งหน ตำบลไหน จะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ช่างปะไร จะทำใจ ให้เศร้า ไม่เข้าการ…
กลอนบทนี้เป็นการสะท้อนให้รู้ว่า ทุกอย่างในโลกมีเป็นคู่ๆ ที่แตกต่าง ตรงข้ามเพื่อให้มีความสมดุลกัน มีดำก็มีขาว มีรักมีเกลียด มีสำเร็จสมหวัง มีล้อเหลว มีไม่สมหวังในชีวิตคนเราใช่ว่าจะทุกข์-เศร้า ไปตลอดชีวิตเสียเมื่อไหร่ ต้องมีช่วงแห่งความสุขเข้ามาด้วย อย่างน้อยๆ ขอให้คิดถึง (รวมทั้งเพื่อนวัยรุ่นช่วยเตือนเพื่อนที่มีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง) ว่าชีวิตมีค่าเราเกิดมาเพื่อประโยชน์ใดและเราได้สร้างประโยชน์ให้แก่ใครบ้าง หากเราทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย เราก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ตัวเราเองเลย แล้วคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างคอยห่วงใยเรา เราตอบแทนเขาด้วยความเสียใจ/ความคิดถึงว่า “ไม่น่าเลย” เท่านั้นหรือ
ดิฉันขอเสนอแนะวิธีการที่ช่วยคลายความเศร้า-ทุกข์เบื่อหน่าย ดังนี้
1. การเปลี่ยนบรรยากาศ หากเราทำอะไรไปตามตารางเวลา อย่างเข้มงวด จะเสมือนว่าเราเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ คงมีแต่ความจำเจ การผ่อนคลายคงต้องเปลี่ยนแปลงความซ้ำซากจำเจนั้น โดยการหากิจกรรมเสริมที่ไม่เคยทำ เช่น ในหนึ่งสัปดาห์ อาจไปเดินช็อปปิ้ง หรือชวนเพื่อนไปดูหนัง ไปสมัครเข้าชมรมคนรักทะเล พิทักษ์สัตว์ป่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทางที่ดี
2. การมีอารมณ์ขัน ต้องสร้างอารมณ์ขันบ้าง เป็นการผ่อนคลายความเศร้า ความเคร่งเครียดต่างๆ ฟังเรื่องตลกขบขัน หรือดูทีวี หนังสือการ์ตูนบ้าง เพราะอารมณ์ขันเป็นอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความสุข เสียงหัวเราะ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
3. ยิ้มให้กับตัวเอง คนเราต้องรักตัวเอง อันดับแรกที่บอกว่าเรารักตัวเอง คือ การยิ้ม โดยต้องนึกเสมอว่า “วันนี้เรายิ้มให้ตัวเองหรือยัง” หรือยังต้องยิ้มให้เป็นนิสัย ไม่ทำหน้าย่น คิ้วขมวด ผูกโบว์หลายชั้นซ้อนๆ กันไว้ที่หน้าผากไม่สวยเหมือนอยู่บนกล่องของขวัญนะจะบอกให้
4. การทำให้ตนเองมีคุณค่า โดยทำอะไรก็ได้ที่เกิดประโยชน์ให้ต่อตนเอง ครอบครัว คนในสังคม ซึ่งอาจเริ่มตามลำดับ เช่น เพื่อนวัยรุ่น ถ้าอ่านหนังสือได้วันละ 10 หน้า แต่ในวันนั้นอ่านได้มากถึง 30 หน้า ก็จะเป็นสิ่งที่ภูมิใจว่าทำได้แม้แต่การช่วยงานในครอบครัว การให้ความสนใจสุขภาพการช่วยเหลือผู้สูงวัยในบ้าน หรือการบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็เป็นสิ่งที่ดีงาม ที่ทำให้รู้สึกว่าเรามีคุณค่า
5. การรู้จักคำว่า “ให้ พอ รอ รัก” การให้ผู้อื่นในสิ่งที่เรามีทั้งที่เป็นสิ่งของ การให้น้ำใจ การให้น้ำคำ ชมเชย การให้โอกาส ให้คำแนะนำ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกถึงการเสียสละ การแบ่งปัน
การพอ คือ การรู้จักคำว่า พอเพียงในชีวิต เป็นหลักการที่สำคัญ ที่รู้จักมาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้ในการดำรงชีวิตทำให้ไม่ฟุ้งเฟ้อ หรือเห่อไปตามแฟชั่นต่างๆ ที่เงียบหายไปเร็วแล้วเปลี่ยนแบบใหม่ไปเรื่อยๆ ทำให้สูญเสียและสิ้นเปลือง โดยใช่เหตุ ดังเช่น วัยรุ่น ขอเงินแม่ซื้อ นาฬิกาโรเล็กซ์ กระเป๋า/รองเท้า ยี่ห้อดังๆ เพราะเพื่อนๆ มี เขาเอาไว้อวดกัน ถ้าเรารู้จักพอ คือความพอดีแก่ตนเอง จะทำให้เราไม่กระวนกระวาย ไม่ทุกข์ พ่อแม่ก็ไม่ทุกข์ไปด้วย ที่จะต้องพยายามหาเงินมาปรนเปรอให้ลูกมีหน้ามีตามัดเทียมเพื่อนๆ วัยรุ่นโดยไม่ดูทุนเดิมตนเอง ทีนี้ก็จะทุกข์กันไปหมด แล้วอาจเกิดบานปลายไปอย่างไม่คาดคิด ขอแนะนำให้นึกถึงคำว่า “พอ” โดยมีคติว่าให้คำนึงประโยชน์ใช้สอนว่า นาฬิกายี่ห้ออื่นๆ ที่ย่อมเยาราคาก็ใช้ดูเวลาได้ เช่นเดียวกัน
“รอ” การรอเป็นการฝึกฝนความอดทน ที่ทำให้เราเรียนรู้ว่าเมื่อถึงเวลา ถึงโอกาสอันควรเราก็จะได้รับ ทำให้เราไม่มีนิสัยใจร้อน วู่วาม จะเอาให้ได้ดังใจในเวลาเดี๋ยวนั้นเป็นการสร้างระเบียบวินัยในสังคมได้ เช่น เรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันที่เห็นบ่อย คือ การแย่งกันขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ไม่เรียงตามลำดับมาก่อนหลัง กรูกันแย่งขึ้นประตู ทำให้ช้าที่ต้องเบียดเสียดและอาจมีเรื่องทะเลาะตามมาได้
“รัก” ความรักเป็นสิ่งดีงาม ที่ทำให้โลกมีความสงบและสันติภาพ การมีความรักต้องเริ่มที่รู้จักรักตนเองให้ได้ก่อนไม่ทำร้ายตนเองด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม จึงจะรู้จักรักผู้อื่น เมตตาผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น รักมวลมนุษย์ชาติตามมา ใช่ว่าเราจะดีกว่า เด่นกว่า รวยกว่า เพราะไม่เพียงแต่สร้างความเครียดแล้ว ยังเกิดการเอารัดเอาเปรียบ การแข่งขัน ช่วงชิง ที่ไม่คำนึงถึงอะไร ความรักต้องรักแบบไม่หวังผลประโยชน์ ดังเช่นรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
6. การคิดในทางบวก คิดว่าเรื่องราวรุนแรงทีทำให้เกิดความทุกข์ ก่อให้เกิดผลดีต่อเราที่จะทดสอบความเข้มแข็งทดสอบการเจริญเติบโตทางความคิด ทางวัยวุฒิของตนเองทุกๆ ข้อที่กล่าวมาฝึกได้ จะทำให้คลายความทุกข์-เศร้าได้ และที่สำคัญเพื่อนที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์จมดิ่งมากๆ อาจไม่ทันได้คิดอย่างอื่น ดังนั้นเพื่อนๆ วัยรุ่นที่ใกล้ชิด ควรเป็นผู้ช่วยเหลือและที่สำคัญหากพวกเรามีความทุกข์-เศร้า ร้อนใจไม่ว่าเรื่องใดที่สาหัสสากรรจ์ หรือไม่หนักหนาแต่เป็นผงที่เข้าตาแล้วเขี่ยไม่ออก คนในครอบครัวของเรา ลองเข้าไปปรึกษา พูดคุยขอความช่วยเหลือ หรือปรับความรู้สึก ความเข้าใจ จะทำให้เรารู้ว่าที่จริงมีคำแนะนำที่ดีแฝงอยู่เพราะทุกคนในครอบครัวรักเรา แต่อาจรักมาก ห่วงใยมาก แล้วแสดงออกเป็นการว่ากล่าว เห็นหน้าทีไรก็ดุว่า เตือนกันตลอด เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งปี ดังนั้นขอให้คุยกันด้วยเหตุผลนะค่ะ
ที่มา http://www.dmh.go.th/stydepression/knowledge/view.asp?id=13
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น